คืนวันนี้ได้รับการสัมภาษณ์จาก MCOT.NET เรื่อง App บน Android tablet และ BlackBerry Playbook กับแง่มุมในการพัฒนา มีคำถามหนึ่งสะกิดใจผมมาก คือคุณศรีสุดาถามขึ้นมาว่า
“ถ้าต้องการมี mobile application สักตัวเนี่ย ราคาจะเริ่มต้นที่เท่าไหร่?”
จากที่ผมตอบไปว่า มันขึ้นอยู่กับขนาดของงาน และรายละเอียด และมันก็สามารถเริ่มจากตั้งแต่ระดับ 10,000 บาท ไปจนถึงตัวเลข 6 – 7 หลักได้ง่ายๆ ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนและสิ่งที่คุณต้องการในตัว mobile application นั้นๆ ทีนี้เรามาลงลึกซักหน่อยว่าอะไรบ้างที่มีผลต่อระดับราคาของ mobile application แต่ละ project น่าจะแบ่งได้ประมาณ 3 หัวข้อใหญ่ๆ
1. ประเภทของอุปกรณ์
[image width=”620″ height=”200″ quality=”100″]http://flexblog.teerasej.com/wp-content/uploads/2011/01/adobe-air.jpg[/image]
แน่นอนว่าโลกนี้ไม่ได้มีคนทำ tablet ออกมาเจ้าเดียว โลกของเรามีทั้ง Apple iPad, Google Android (และบรรดาผู้ผลิตที่ต่างกันเฮโลมาเป็นพันธมิตรกันอย่างคับคั่ง), และ BlackBerry Playbook (นี่ยังไม่นับรวมอาเฮีย Microsoft ที่เหมือนจะหายหน้าหายตาไปเลย) และด้วยเทคโนโลยีที่แตกต่างกันนี้เอง ทำให้การใช้นักพัฒนาและต้นทุนของแต่ platform แตกต่างไปตามความยากง่าย ส่งผลให้ราคาแตกต่างกันไปด้วย และบางครั้งการพัฒนาก็มีเป้าหมายในหลายๆ อุปกรณ์ ไม่ใช่อุปกรณ์เดียว ทางนักพัฒนาต้องคำนึงถึงตรงนี้ด้วย และอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจ
2. ความซับซ้อนและเทคโนโลยี
[image width=”620″ height=”200″ quality=”100″]http://flexblog.teerasej.com/wp-content/uploads/2011/02/Adobe-AIR-2.6-is-now-ready-on-Android-Market.jpg[/image]
หัวเรื่องใหญ่จะอยู่ที่ตรงนี้ (เห็นไหมว่าใหญ่จริงๆ ใหญ่กว่าข้อแรกอีก) ตามที่บอกว่าราคาสามารถก้าวไปถึงระดับตัวเลข 6 – 7 หลักได้ นั่นขึ้นอยู่กับความซับซ้อน และ feature ในการทำงานของตัว Mobile Application เอง ผมขอยกตัวอย่าง feature ที่เคยประสบมา ไว้ในนักพัฒนาลองเอาไปคิดนะครับ
[list style=”list3″ color=”green”]
- มีระบบบัญทึกข้อมูลไหม?
- มีระบบ GPS หรือ Geo location ไหม?
- มีการแสดงผล 3 มิติไหม?
- มีการ integrate เข้ากับ Social network อย่าง Facebook หรือ Twitter หรือเปล่า?
- มีการทำงานกับ Web Service ไหม?
- เข้ารหัสข้อมูล (Encrypted) หรือเปล่า?
- ถ่ายและจัดการรูปภาพได้ไหม?
- ถ่ายวิดีโอได้ไหม?
- มีการออกแบบ (User interface design) หรือเปล่า?
- และอื่นๆ อีกมากมาย…
[/list]
จะทำให้เห็นว่า feature ต่างๆ มีผลกับความยากง่ายในการพัฒนา และส่งผลต่อระดับราคาไปด้วย
3. การ support
[image width=”620″ height=”200″ quality=”100″]http://flexblog.teerasej.com/wp-content/uploads/2011/03/4381851322_d46fd7d75e_b.jpg[/image]
ส่วนสำคัญที่แยกออกจากการพัฒนา Mobile application software ก็เหมือนกับการพัฒนา software ในระดับอื่นๆ นั่นหมายความรวมถึงการ support อย่างเช่น
[list style=”list3″ color=”green”]
- การนำ Application ขึ้น App Store, Android Market, BlackBerry App World
- การ support bugs ที่อาจจะเกิดขึ้น
- การ support ในเวอร์ชั่นต่อไป
- และอื่นๆ อีกมากมาย…
[/list]
Where to go from here?
น่าจะเข้าใจแล้วว่า “ไม่ใช่ว่า Mobile App ทุกแอบจะมีราคาที่ 10,000 บาทเสมอไป” นั่นเพราะมันขึ้นอยู่กับการพัฒนาตามส่วนประกอบด้านบนที่ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ลูกค้าต้องการ การทำงานบนโลกของ Mobile Application ขึ้นอยู่กับส่วนนี้เป็นหลักครับ